เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ห้องเรียน 102 อาคาร1คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย (คกป.) ได้จัดกิจกรรมเสวนาถอดบทเรียน "19 กันยา 49 ถึง 19 พฤษภา 53" โดยหัวข้อหนึ่งในการเสวนา คือ "อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต" นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด อดีตประธานมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า ขณะนี้เราอยู่ในวิวัฒนาการก่อนการเปลี่ยนผ่าน เป็นการสะสมแรงก่อนการกระโดดไปข้างหน้า ที่ผ่านมาองค์กรอย่างแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่เคยมีการจัดการขบวน ไม่มีการจัดการองค์ความรู้ เมื่อแกนนำล่มสลาย ทำให้มวลชนจำนวนมากไม่รู้จะเคลื่อนไหวต่ออย่างไร ซึ่งขณะนี้ผมพยายามผลักดัน 2 ป. คือ 1. เปลี่ยนมวลชนเป็นผู้ปฏิบัติงาน ต้องปลดปล่อยศักยภาพของมวลชน ซึ่งไม่จำเป็นต้องการแกนนำที่เก่ง 2. เปลี่ยนสภากาแฟให้เป็นผู้ปฏิบัติงาน เพราะว่ามีการแสดงความคิดเห็นกันอยู่แล้ว "มวลชนเสื้อแดงเป็นมวลชนที่ตื่นแล้ว 2 ป. จึงสามารถเกิดขึ้นได้ เอาแค่ 10% ของคนเสื้อแดง ก็จะเป็นกลุ่มคนเคลื่อน ไหวที่มีศักยภาพ ในอนาคตผมจะพยายามเปลี่ยนกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง ให้เป็นเวิร์คชอป ให้เกิดผู้ปฏิบัติงานมากขึ้น เพื่อสร้างกระบวนการที่มีลักษณะเป็นแกนนอน คือ ทุกคนสามารถออกมาปฏิบัติการเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องรอใครคิดให้" นายสมบัติกล่าว นายปราการ กลิ่นฟุ้ง คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ตนได้อ้างอิงการวิเคราะห์ของอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ว่า รัฐประหาร 19 กันยา เกิดขึ้นบนความขัดแย้งของ 2 ขั้ว คือ รัฐสภาเข้ามามีอำนาจอย่างมาก ทำให้มีคนคิดว่าราชสำนักถูกท้าทาย จนนำไปสู่การทำรัฐประหาร นี่เป็นความวิตกกังวลแห่งชาติ ซึ่งตราบใดที่ความวิตกกังวลนี้ยังไม่หมดไป ความขัดแย้งก็ยังจะคงอยู่ และฝ่ายที่มาจากการเลือกตั้งที่จะถูกกดไว้โดยทหาร "ความขัดแย้งจะคลี่คลายลงเมื่อ ทำอย่างไรให้ประเด็นของคนเสื้อแดงกลายเป็นประเด็นสาธารณะ สามารถพูดคุยถกเถียงกันได้
วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553
"ทนายมุสลิม-องค์กรสิทธิ์"ช็อคสั่งไม่ฟ้อง"สุทธิรักษ์" ถาม...แล้วใครฆ่าที่ไอร์ปาแย?
ทีมข่าวอิศรา
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
การลงความเห็นของคณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ที่สรุปสำนวนและ “สั่งไม่ฟ้อง” นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ ผู้ต้องหาในคดีใช้อาวุธสงครามกราดยิงพี่น้องชาวไทยมุสลิมเสียชีวิต 10 ศพและบาดเจ็บอีก 12 คนที่มัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นั้น ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับกลุ่มทนายความมุสลิม และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้ติดตามความเคลื่อนไหวของคดีนี้อย่างใกล้ชิดมาตลอด
ทนายสิทธิพงษ์ จันทรวิโรจน์ เลขามูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม กล่าวว่า การที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ซึ่งทางศูนย์ทนายความมุสลิมไม่สามารถล่วงรู้ได้ ย่อมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ แม้การสรุปสำนวนเช่นนี้จะแสดงให้เห็นว่าพยานหลักฐานจากการสืบสวนสอบสวนตลอด 1 ปี 2 เดือนที่ผ่านมาไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคดีก็ตาม
“แต่คดีนี้เป็นคดีใหญ่มาก ถูกเฝ้าจับตาจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนทั่วไปในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นเรื่องที่กระทบความรู้สึก ฉะนั้นอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าคดีจบแล้ว เพราะพนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณาอีกชั้นหนึ่ง”
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา
การลงความเห็นของคณะพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ที่สรุปสำนวนและ “สั่งไม่ฟ้อง” นายสุทธิรักษ์ คงสุวรรณ ผู้ต้องหาในคดีใช้อาวุธสงครามกราดยิงพี่น้องชาวไทยมุสลิมเสียชีวิต 10 ศพและบาดเจ็บอีก 12 คนที่มัสยิดอัลฟุรกอน บ้านไอร์ปาแย ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส นั้น ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับกลุ่มทนายความมุสลิม และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งได้ติดตามความเคลื่อนไหวของคดีนี้อย่างใกล้ชิดมาตลอด
“แต่คดีนี้เป็นคดีใหญ่มาก ถูกเฝ้าจับตาจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนทั่วไปในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นเรื่องที่กระทบความรู้สึก ฉะนั้นอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าคดีจบแล้ว เพราะพนักงานสอบสวนต้องส่งสำนวนให้พนักงานอัยการพิจารณาอีกชั้นหนึ่ง”
พิพากษาคดีอาญาอิหม่ามยะผา ศาลยุติธรรมชี้ต้องฟ้องศาลทหาร
ศาลจังหวัดนราธิวาสอ่านคำพิพากษาชั้นไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญา ในคดีอิหม่ามยะผา กาเซ็ง ระบุศาลยุติธรรมไม่มีอำนาจ ต้องฟ้องที่ศาลทหาร เมียยื่นอุทธรณ์ ชี้ชาวบ้านฟ้องศาลทหารเองไม่ได้ ป.ป.ช.อืดยังไม่ส่งสำนวนให้อัยการศาลทหาร
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 กันยายน 2552 ศาลจังหวัดนราธิวาสได้นัดอ่านคำพิพากษาชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 1611/2552 ระหว่าง นางนิม๊ะ กาเซ็ง เป็นโจทก์ ฟ้องพันตรีวิชา ภู่ทอง จำเลยที่ 1 ร้อยตรีสิริเขตต์ วาณิชบำรุง จำเลยที่ 2 จ่าสิบเอกเริงณรงค์ บัวงาม จำเลยที่ 3 สิบเอกณรงค์ฤทธิ์ หาญเวช จำเลยที่ 4 สิบเอกบัณฑิต ถิ่นสุข จำเลยที่ 5 และพันตำรวจเอกทนงศักดิ์ วังสุภา จำเลยที่ 6 ข้อหา ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด กักขังหน่วงเหนี่ยว เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายโดยทรมานหรือ โดยกระทำทารุณโหดร้าย
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 2 กันยายน 2552 ศาลจังหวัดนราธิวาสได้นัดอ่านคำพิพากษาชั้นไต่สวนมูลฟ้องในคดีอาญา หมายเลขดำที่ 1611/2552 ระหว่าง นางนิม๊ะ กาเซ็ง เป็นโจทก์ ฟ้องพันตรีวิชา ภู่ทอง จำเลยที่ 1 ร้อยตรีสิริเขตต์ วาณิชบำรุง จำเลยที่ 2 จ่าสิบเอกเริงณรงค์ บัวงาม จำเลยที่ 3 สิบเอกณรงค์ฤทธิ์ หาญเวช จำเลยที่ 4 สิบเอกบัณฑิต ถิ่นสุข จำเลยที่ 5 และพันตำรวจเอกทนงศักดิ์ วังสุภา จำเลยที่ 6 ข้อหา ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด กักขังหน่วงเหนี่ยว เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตายโดยทรมานหรือ โดยกระทำทารุณโหดร้าย
ตื่นเถิดนิสิตนักศึกษา
โดย ชำนาญ จันทร์เรือง
เพียงหวังจะเฟื่องฟุ้ง หรือจึงมุ่งมาศึกษา
เพียงเพื่อปริญญา เอาตัวรอดกระนั้นฤา
แท้ควรสหายคิด และตั้งจิตร่วมยึดถือ
รับใช้ประชาคือ ปลายทางเราที่เล่าเรียน
เสียง บทกวีที่ดัดแปลงมาจากต้นฉบับเดิมของมนูญ มโนรมย์ (นเรศ นโรปกรณ์) ที่แต่งไว้ตั้งแต่ปี 2495 ที่ดังกระหึ่มในยุค 14 ตุลาฯกลับมาก้องกังวานในความทรงจำของผม ในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างมากมาย ชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของความเป็นรัฐไทย
การ ลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนและนักศึกษาในอดีตหลายๆครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการคัดค้านผลการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตในสมัยจอมพล ป. ในสมัย 14 ตุลา 16 หรือ 6 ตุลา 19 และล่าสุด พฤษภา 35 แต่ยังไม่เคยปรากฏว่ามีการหยิบยกประเด็นของการ "ขายชาติ" ขึ้นมาขับไล่ผู้นำประเทศแต่อย่างใด ปรากฏแต่เพียงประเด็นของการทุจริตหรือการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วย อำนาจของรัฐบาลเผด็จการเท่านั้น
วันพฤหัสบดีที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2553
สันติปัตตานี “เดินเพื่อสันติปัตตานี”...ก้าวย่างสู่สันติสุขชายแดนใต้ ?
โครงการเดินเพื่อสันติปัตตานี จุดเริ่มต้นของพี่น้องไทยร่วมชาติก้าวย่างแรกเพื่อบอกว่าคนไทยทุกคนต้องการให้สันติสุขคืนสู่ชายแดนใต้
ความขัดแย้ง และความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 4,000 คน นับตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2547 สาเหตุของความขัดแย้งอาจเนื่องมาแต่ฝ่ายหนึ่งต้องการให้เกิดการผสมผสานกลม กลืน แต่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการความยุติธรรมตลอดจนการคงรักษาความเป็นชาติพันธุ์และ อัตลักษณ์อื่น ๆไว้ หากมุ่งให้เกิดการแพ้ชนะกัน ความขัดแย้งก็คงจะยืดเยื้อต่อไป จึงน่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมแล้วที่พลเมืองไทย ทั้ง 76 จังหวัด จะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรงงโดยเร็ว มีข้อขัดแย้งประการใด พึงใช้การพูดคุยแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา อันจะนำไปสู่การเจรจาและการแก้ไขข้อขัดแย้งโดยสันติวิธีต่อไป การเรียกร้องดังกล่าว ไม่น่าจะเป็นเพียงการเรียกร้องต่อผู้อื่นเท่านั้นหากควรเรียกร้องต่อตัวเรา เองและมีการกระทำเพื่อแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ด้วย ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสภาศาสนสัมพันธ์เพื่อสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงริเริ่มโครงการเดินเพื่อสันติปัตตานีขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเรียกร้องและการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์
โดยกำหนดเดินจากมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ถึงมัสยิดกลางปัตตานี ในวันที่ 1 กันยายน 2553 เพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มาพูดคุยกันเพื่อร่วมคลี่คลายความขัดแย้งโดย
วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553
ผู้นำคิวบา บอกเล่าถึง "ชีวิตหลังความตาย" และเรื่องราวมากมายที่ต้องค้นหา
ในบทสัมภาษณ์ชิ้นหนึ่ง นายฟิเดล คาสโตร ผู้นำคิวบา ได้บอกเล่าถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หลังจากที่อาจเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดครั้งใหญ่ ซึ่งนั่นอาจทำให้เขาต้องก้าวลงจากอำนาจ เขาไม่คิดว่าเขาจะยอมรับการผ่าตัดดังกล่าว และแม้ว่าตอนนี้มันจะทำให้เขาประสบปัญหาด้านการเดินบ้างก็ตาม
"ผมอยู่ที่ประตูแห่งความตาย" เขากล่าวกับผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์ ลา ยอร์นาดา ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของกลุ่มฝ่ายซ้ายในเม็กซิโก ซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันจันทร์ (30 สค.) ที่ผ่านมา
"ผมไม่มีความปรารถนาที่จะอยู่ หรือมีก็แทบน้อยมาก" เขากล่าว
"ผมถามตัวเองหลายครั้ง ว่าหมอจะปล่อยให้ผมอยู่ในสภาพอย่างนี้หรือจะปล่อยให้ผมตาย"
อย่างไรก็ตาม ผู้นำวัย 84 ปีรายนี้ ไม้ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของเขาว่ามาจากสาเหตุใด
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2006 สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลช่องหนึ่ง ได้อ่านจดหมายของนายคาสโตร ซึ่งมีใจความตอนหนึ่งว่า เขากำลังถ่ายโอนอำนาจให้กับน้องชายของเขา "ราอูล คาสโตร" และหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอีก จนกระทั่งมีข่าวลือว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว โดยหลังจากนั้น เขาก็เริ่มเขียนสุนทรพจน์เพื่อเผยแพร่ทางสื่อมวลชนของรัฐ และปรากฏตัวเป็นระยะๆ
ทำไมการศึกษาไทยไร้คุณภาพ
ที่ผมคิดว่าการศึกษาไทยไรคุณภาพก็เพราะว่า ครูครับ
อย่างแรกที่ผมเจอ ก็คือว่าผมมีโอกาศได้อ่านหนังสือพระพยอม มีอยู่หัวข้อหนึ่ง ผมจำชื่อเรื่องไม่ได้แต่จำข้างในได้ พระพยอมท่านเล่าว่า
ครอบครัวหนึ่งมีลูก5คน คนแรกหัวดีมาก ให้เป็นหมอ
คนที่สองหัวดี ให้เป็นวิศวะ คนที่สามหัวพอใช้ ให้เป็นจิตรกร
คนที่สีหัวอ่อน ให้เป็นครู คนที่ห้าโง่ ให้ไปบวช
ลองสังเกตุดูว่าคนส่วนมากจะให้เรียนอาชีพที่มีแต่เงินดีๆ
แล้ววันนี้ผมฟังเรื่องเล่าจากอาจารย์ อาจารเล่าว่า ที่ต่างประเทศใครๆก็อยากจะเป็นครูเพราะรายได้พอๆกับหมอ แค่อาจารสอนเด็กประถมชั่วโมงนึงตก4000-10000บาท แล้วแต่วิชา ส่วนตามมหาลัยจะได้มากกว่า ผมลองย้อนกลับมาคิดดูอาจเป็นเพราะว่าบ้านเค้าอาจคาครองชีพสูง ค่าจ้างครูเลยเยอะตาม อ้อลืมบอกไปครับที่เงินเดือน รัฐบาลให้เงินพอๆกับเอกชน
ลองกลับมาดูที่บ้านเราครูเงินเดือนแรกเข้าแค่ 8000 -10000บาท และต้องอยู่นานๆมากต้องทำผลงานให้ดีเงินเดือน ถึงจะเข้า29000+ ซึ่งผมคิดว่าน้อยมาก(แม่ผมเป็นครูมา25ปี)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)