วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

เสวนาถอดบทเรียน "19 กันยา 49 ถึง 19 พฤษภา" รัฐประหารบนความขัดแย้ง


          เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ห้องเรียน 102 อาคาร1คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมเพื่อประชาธิปไตย (คกป.) ได้จัดกิจกรรมเสวนาถอดบทเรียน "19 กันยา 49 ถึง 19 พฤษภา 53" โดยหัวข้อหนึ่งในการเสวนา คือ "อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต" นายสมบัติ บุญงามอนงค์ บ.ก.ลายจุด อดีตประธานมูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า ขณะนี้เราอยู่ในวิวัฒนาการก่อนการเปลี่ยนผ่าน เป็นการสะสมแรงก่อนการกระโดดไปข้างหน้า ที่ผ่านมาองค์กรอย่างแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่เคยมีการจัดการขบวน ไม่มีการจัดการองค์ความรู้ เมื่อแกนนำล่มสลาย ทำให้มวลชนจำนวนมากไม่รู้จะเคลื่อนไหวต่ออย่างไร ซึ่งขณะนี้ผมพยายามผลักดัน 2 ป. คือ 1. เปลี่ยนมวลชนเป็นผู้ปฏิบัติงาน ต้องปลดปล่อยศักยภาพของมวลชน ซึ่งไม่จำเป็นต้องการแกนนำที่เก่ง 2. เปลี่ยนสภากาแฟให้เป็นผู้ปฏิบัติงาน เพราะว่ามีการแสดงความคิดเห็นกันอยู่แล้ว "มวลชนเสื้อแดงเป็นมวลชนที่ตื่นแล้ว 2 ป. จึงสามารถเกิดขึ้นได้ เอาแค่ 10% ของคนเสื้อแดง ก็จะเป็นกลุ่มคนเคลื่อน ไหวที่มีศักยภาพ ในอนาคตผมจะพยายามเปลี่ยนกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง ให้เป็นเวิร์คชอป ให้เกิดผู้ปฏิบัติงานมากขึ้น เพื่อสร้างกระบวนการที่มีลักษณะเป็นแกนนอน คือ ทุกคนสามารถออกมาปฏิบัติการเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องรอใครคิดให้" นายสมบัติกล่าว นายปราการ กลิ่นฟุ้ง คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ตนได้อ้างอิงการวิเคราะห์ของอาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ว่า รัฐประหาร 19 กันยา เกิดขึ้นบนความขัดแย้งของ 2 ขั้ว คือ รัฐสภาเข้ามามีอำนาจอย่างมาก ทำให้มีคนคิดว่าราชสำนักถูกท้าทาย จนนำไปสู่การทำรัฐประหาร นี่เป็นความวิตกกังวลแห่งชาติ ซึ่งตราบใดที่ความวิตกกังวลนี้ยังไม่หมดไป ความขัดแย้งก็ยังจะคงอยู่ และฝ่ายที่มาจากการเลือกตั้งที่จะถูกกดไว้โดยทหาร "ความขัดแย้งจะคลี่คลายลงเมื่อ ทำอย่างไรให้ประเด็นของคนเสื้อแดงกลายเป็นประเด็นสาธารณะ สามารถพูดคุยถกเถียงกันได้


เหมือนเป็นการเปลี่ยนประเด็นการเมืองใต้ดิน ให้เป็นประเด็นสาธารณะ" นายปราการกล่าว นางสาววันรัก สุวรรณวัฒนา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เหตุการณ์พฤษภาคม 2553 ทุกคนอาจรู้และเข้าใจว่าไม่ประสบความสำเร็จในการเรียกร้องทางการเมือง แต่สิ่งที่ต้องพูดถึงนอกจากเรื่องคนตาย 90 ศพแล้ว คือ การสั่นคลอนโครงสร้างอำนาจแบบเก่า จุดประกายความฝันสังคมที่เท่าเทียม โดยเริ่มที่ความเท่าเทียมทางการเมือง ฝันถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยการทำงานหนัก คือ 1. สร้างกิจกรรมทางวัฒนธรรม ทำความเข้าใจกับผู้คนให้มากขึ้น 2. ขยายฐานของมวลชน โดยดึงกลุ่มต่างๆ ที่มีประเด็นทางสังคมมาเป็นแนวร่วม หลังกิจกรรมเสวนาได้มีการประชุมหารีือกลุ่มผู้จัดงานและแนวร่วมถึงแนวทาง การเตรียมการและกิจกรรมที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 กันยายนนี้

ที่มา...มติชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น