ออกมาประกาศ "จุดยืน" ว่าจะอยู่เคียงข้างประชาชน และไม่เอา พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้อย่างฉะฉาน ในเวทีนายกฯพบนักศึกษา หัวข้อ เปิดทางให้นักศึกษาและนิสิต เปิดความคิดเพื่อการปฏิรูป ที่ทำเนียบรัฐบาล ของสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.)
โดยเฉพาะ น.ส.สุญญาตา เมี้ยนละม้าย หรือจู๋จี๋ อายุ 22 ปี นิสิตชั้นปี 4 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวารสารสนเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะโฆษก สนนท. หนึ่งในแกนนำที่ออกมาแสดงจุดยืนครั้งนี้ แม้ตัวจะเล็ก แต่ก็เป็นเล็กพริกขี้หนู เพราะ "กล้า" ออกมาคัดค้านนายกฯ ที่เปลี่ยนสถานที่การพบปะกับนักศึกษา จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
"กิจกรรมการพบนักศึกษาครั้งนี้เป็นเพียงละครปาหี่ตบตาประชาชน ใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือในการหาคะแนนนิยมและสร้างภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีมือเปื้อนเลือด" ใจความตอนหนึ่งที่สุญญาตากล่าวในวันพบนายกฯ
ทุกถ้อยคำดุเดือดเผ็ดร้อน ใครจะคิดว่าเป็น "คำพูด" ของนิสิตสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ด้วยความสนใจใคร่รู้จัก เราจึงขอคุยกับเธอแบบตัวต่อตัว
เข้ายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี
สุญญาตาเล่าว่า ติดตามเรื่องราวทางการเมืองมาตลอด ตั้งแต่ช่วงรัฐประหาร ปี 2549 และมีโอกาสเข้าร่วมชุมนุมกับแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ในฐานะปัจเจกชน การเข้าพบนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เพื่อนำความคิดและคำถามของประชาชนเข้าไปเสนอต่อนายกรัฐมนตรี
"หนังสือฉบับนี้ สนนท.ได้รวบรวมคำถามจากประชาชนที่ส่งจดหมายเข้ามา มีอี-เมล 6 ฉบับ จดหมาย 1 ฉบับ และแถลงการณ์ภาคประชาชน 1 ฉบับ ส่วนใหญ่เป็นคำถามเหตุการณ์ 92 ศพที่ต้องการให้รัฐบาลรับผิดชอบ คำถามเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และตบท้ายด้วยการย้ำเตือนความจำนายกฯ ไม่ให้ลืมคำพูดตัวเอง ที่เคยพูดว่า ไม่ว่าจะหนึ่งคนหรือแสนคนก็ต้องรับฟัง"
สุญญาตาเป็นคนยื่นหนังสือให้นายอภิสิทธิ์เองกับมือ
"ตอนยื่นหนังสือ ได้บอกกับนายกฯว่า จดหมายฉบับนี้มีความพิเศษมาก เพราะประชาชนตั้งใจให้ท่านโดยเฉพาะ ถ้ารัฐบาลยึดมั่นในประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพจริง โปรดยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินเสีย อยากให้พิจารณาคำถามนี้ แม้ไม่ถึง 100 เสียง แต่ก็เป็นเสียงของประชาชน"
คำตอบที่ได้รับจากนายกรัฐมนตรีดูเหมือนจะถูกใจ
"ท่านนายกฯตอบว่า ถ้าให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องยกเลิกความรุนแรงทั้งหมด เราเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านพูดว่าต้องยกเลิกความรุนแรงทั้งหมด แต่ความรุนแรงส่วนหนึ่งก็มาจากรัฐบาล ถ้าทำได้จะดีมาก"
และนี่คือ...บทบาทแรกของ สนนท. ที่สุญญาตาเผยว่า ต่อไปจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ขบวนการนิสิตนักศึกษาจะกลับมาอีกครั้ง
"สนนท.ชุดนี้เป็นชุดใหม่ ที่เพิ่งเข้าทำงานเมื่อปลายเดือนสิงหาคม เร็วๆ นี้ สนนท.จะจัดนิทรรศการประวัติของ สนนท. และจะออกบู๊ธตามงานต่างๆ เพราะเรามีฟีดแบ๊คว่า สนนท.ยังไม่เป็นตัวแทนนักศึกษาอย่างแท้จริง เราจึงพยายามเปิดกว้างเพื่อให้นักศึกษาที่มีความคิดเห็นทางการเมืองเข้ามามีส่วนร่วม จากเมื่อก่อนในการชุมนุมต่างๆ นักศึกษาดูเหมือนเป็นหางเครื่องมาคอยเชียร์ ต่อไปจะยกระดับให้เป็นแนวร่วมที่จะเคลื่อนไหวให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยกำหนดยุทธศาสตร์การดำเนินงานไว้ 3 ข้อ 1.หนุนเสริมองค์กรฐานของ สนนท. 2.เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างภาคนักศึกษากับประชาชน และ 3.เร่งสร้างสภาวะประชาธิปไตยสมบูรณ์"
เมื่อถามถึงความสนใจของเยาวชนต่อการเมือง?
สุญญาตาบอกว่า ตั้งแต่ปี 2549 กระแสแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของเยาวชนเพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นนิมิตหมายอันดี แต่แสดงความคิดเห็นอย่างเดียวไม่พอ ต้องเอาความคิดมาทำให้เป็นรูปธรรมด้วย ที่ผ่านมา เยาวชนยังแค่คิดแต่ยังไม่ลงมือทำจริง
"ต่อไปอนาคตของประเทศไม่พ้นต้องตกมาอยู่ในการดูแลของเรา อย่ามองการเมืองเป็นเรื่องผู้ใหญ่ หรือเรื่องน่าเบื่อ ประเทศเป็นของทุกคน เพราะฉะนั้นไม่ควรผลักภาระทั้งหมดให้นักการเมือง เพราะบ้านเมืองจะตกอยู่กับแค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง พลังนักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์ ไม่มีผลประโยชน์กับใคร การออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองจะช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง" สุญญาตาทิ้งท้าย
เห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้ แต่สุญญาตาดูมีความมุ่งมั่นเกินตัวจริงๆ
หน้า 25 ,หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันอังคารที่ 21 กันยายน 2553
ที่มา..มติชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น